Study Plus Center
โทร 02 735 4803-4, 081 318 7593
  • th

IELTS


IELTS

IELTS (International English Language Testing System )

เป็นระบบทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่มีความประสงค์ที่จะใช้ภาษาอังกฤษในการศึกษาต่อ ทดสอบ 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน โดยให้ คะแนนทักษะทั้งสี่แยกจากกัน สามารถวัดผลได้ชัดเจน แม่นยำ และถูกต้องตรงกับระดับความสามารถในการใช้ภาษาที่แท้จริงของผู้สอบ นอกจากนี้ ข้อสอบยังแบ่งออกเป็น 2 ชุด ตามระดับการศึกษาที่ต้องการจะศึกษา ซึ่งนับเป็นการวัดผลที่ช่วยให้สถานศึกษามีข้อมูลที่ละเอียดเกี่ยวกับความสามารถเฉพาะของนักศึกษาแต่ละคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงระดับการศึกษา ข้อสอบทั้ง 2 ชุด คือ

1. Academic Module สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา หรือ สูงกว่า ในทุก ๆ สาขา

2. General Training Module สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับที่ต่ำกว่าปริญญาตรี ระดับมัธยมศึกษา หลักสูตรระยะสั้น และหลักสูตรฝึกอบรมต่าง ๆ แต่บางสถาบันต้องการให้ผู้ที่สมัครเรียนสอบ Academic Module เนื่องจากความยากง่ายของสาขาวิชา ซึ่งผู้สมัครจะต้องสอบถามโดยตรงกับทางสถาบัน

ลักษณะการสอบ แบ่งเป็น 2 ช่วง

1. ช่วงเช้า สอบข้อเขียน ใช้เวลา 150 นาที ทดสอบการอ่าน 60 นาที การเขียน 60 นาที และการฟัง 30 นาที

2. ช่วงบ่าย สอบสัมภาษณ์รายบุคคล ใช้เวลาคนละประมาณ 10 - 15 นาที ซึ่งจะจัดสอบครั้งละ 26 คน

การฟัง

** ใช้เวลา 30 นาที โดยมีคำถามทั้งหมด 40 ข้อ แบ่งออกเป็น 4 ส่วน **

สองส่วนแรกเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน เป็นการสนทนาระหว่างคนสองคน หลังจากนั้นก็จะเป็นคนพูดเพียงคนเดียว ตัวอย่างเช่น สนทนาเรื่องการวางแผนไปเที่ยว หรือ ตัดสินใจว่าจะไปไหนดีคืนนี้ และมีการพูดเกี่ยวกับการให้บริการแก่นักเรียนในมหาวิทยาลัย

สองส่วนหลังจะฟังเกี่ยวกับสถานการณ์จำลอง เนื้อหาหนักไปทางการศึกษาโดยมีบทสนทนากันระหว่างกลุ่มคนไม่เกินสี่คน หลังจากนั้นเป็นการฟังคนพูดเพียงคนเดียว ตัวอย่างหัวข้อที่จะพูด อาจเป็นการสนทนาระหว่างอาจารย์และนักเรียนเกี่ยวกับการบ้านหรือ อาจจะเป็นการคุยกันในกลุ่มนักเรียนสองสามคนที่กำลังปรึกษากันเรื่องหัวข้อทำวิจัย และเลคเชอร์ หรือ การพูดแนววิชาการ

คำถามจะมีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้

1. ปรนัย

2. ตอบคำถามสั้น ๆ

3. เติมคำในประโยค

4. ให้โน้ตย่อ หรือ วาดแผนภาพ flow chart หรือ เติมคำในตารางให้สมบูรณ์

5. ให้เขียนในแผนภาพ ว่าแต่ละส่วนที่มีเลขเขียนไว้ หมายถึงอะไร

6. จับคู่

7. เรียงลำดับ

การสอบฟังนั้น จะมีการเปิดให้ฟังเพียงรอบเดียวเท่านั้น ขณะที่ฟังผู้เข้าสอบต้องอ่านคำถามและเติมคำตอบในกระดาษคำถามไปพร้อม ๆ กัน เมื่อฟังเทปเสร็จเรียบร้อย จะมีเวลาให้ย้ายคำตอบจากในกระดาษมาเขียนลงในกระดาษคำตอบ

การอ่าน สำหรับ Academic Reading

มีคำถามทั้งสิ้น 40 คำถาม ให้ทำในเวลา 60 นาที โดยจะมีเรื่องสั้น ๆ ให้อ่าน 3 เรื่องด้วยกัน ความยาวโดยรวมประมาณ 2000 - 2750 คำ เนื้อหานั้นจะมาจากนิตยสารวารสาร หนังสือ และหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับบุคคลทั่วไป ในจำนวนนี้ จะมีอย่างน้อยหนึ่งเรื่องที่เกี่ยวกับการแสดงความเห็น และอาจจะกราฟ หรือ ภาพประกอบเรื่องนั้น ๆ ถ้าหากเรื่องไหนมีศัพท์เทคนิคปะปนอยู่ก็จะมีคำอธิบายไว้ให้

ข้อสอบจะเพิ่มความยากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามบางคำถามอาจจะถามก่อนอ่านเนื้อเรื่อง บางคำถามก็ถามหลังเนื้อเรื่อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของคำถามนั้น ๆ

ลักษณะคำถาม

1. ปรนัย

2. ตอบคำถามสั้น ๆ

3. เติมคำในประโยค

4. ให้โน้ตย่อ หรือ วาดแผนภาพ flow chart หรือ เติมคำในตารางให้สมบูรณ์

5. ให้เขียนในไดอะแกรม ว่าแต่ละส่วนที่มีเลขเขียนไว้ หมายถึงอะไร

6. จับคู่

7. เรียงลำดับ

8. ลักษณะคำถามที่มีคำตอบไว้จำนวนมาก ให้เลือกคำตอบที่ให้ไว้มาเติมในช่องที่เหมาะสม

9. ให้หาว่าผู้เขียนต้องการจะสื่ออะไรให้ผู้อ่าน โดย ตอบ yes / no /not given

10. ให้หาว่าเนื้อเรื่องได้กล่าวถึงเรื่องในคำถามไว้หรือไม่ โดยให้ตอบ yes / no / not given หรือ true / false / not given

คำถามข้อละ 1 คะแนน และผู้สอบควรตรวจทานให้รอบคอบในการเขียนคำตอบลงในกระดาษคำตอบว่าสะกดได้ถูกต้องหรือไม่ และถูกหลักไวยากรณ์หรือไม่ เพราะหากไม่ถูกจะมีการหักคะแนน

การอ่านสำหรับ General Training

เนื้อหาในการอ่านนั้นจะนำมาจากประกาศ โฆษณา หนังสือราชการ คู่มือ แผ่นพับ หนังสือพิมพ์ ตารางเวลา หนังสือ หรือ นิตยสาร โดยส่วนแรกนั้นจะเป็นเรื่อง สังคม ทั่วไป ภาษาที่เข้าใจง่ายแล้วจะค่อยเพิ่มความยาก ในส่วนของเนื้อหาและการใช้ภาษา ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเริ่มขึ้นส่วนที่สอง สาม สี่

การเขียน Academic Writing

มี 2 หัวข้อที่ต้องทำโดยมีเวลาในการเขียน 60 นาที

1. ในส่วนแรกนั้น ผู้เข้าสอบจะต้องเขียนอธิบายเกี่ยวกับ แผนภาพ หรือ ตาราง ที่มีไว้ให้ การทดสอบส่วนนี้เพื่อที่จะวัดความสามารถในการจัดการข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูล การอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ รวมถึงการจัดลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง และอธิบายการทำงานของสิ่งต่าง ๆ ซึ่งควรใช้เวลาในส่วนแรกประมาณ 20 นาที และเขียนอย่างน้อย 150 คำ

2. ในส่วนที่สองนั้น จะเป็นการแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ที่กำหนดให้ ทั้งนี้เพื่อวัดความสามารถในการแก้ปัญหา และความสามารถในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างมีเหตุผล สามารถเปรียบเทียบและชี้ข้อแตกต่างของเหตุการณ์ ส่วนที่สองนั้นควรใช้เวลาประมาณ 40 นาที และเขียนอย่างน้อย 250 คำ

3. หัวข้อที่นำมาให้เขียนนั้นง่ายต่อการเข้าใจสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี หรือในระดับที่สูงกว่า

ในส่วนของ General Training Writing นั้น จะมีข้อแตกต่าง คือ

1. ในส่วนแรกจะได้ คำถามจะมีลักษณะเป็นจดหมายที่เขียนขอข้อมูล หรือ อธิบายสถานการณ์ และให้เราเขียนตอบ ทั้งนี้เพื่อวัดความสามารถในการสื่อสารโต้ตอบระหว่างบุคคลและแสดงความรู้สึกว่า ชอบหรือไม่ชอบ แสดงความต้องการ และแสดงความคิดเห็นได้

2. ในส่วนที่สองนั้นผู้สอบต้องแสดงความคิดเห็น หรือ ให้อภิปรายโต้แย้ง หรือ แสดงปัญหาในหัวข้อที่ให้ไว้ ทั้งนี้ เพื่อวัดความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล การวางโครงร่างของปัญหาและเสนอแนวทางการแก้ปัญหา เสนอและชั่งน้ำหนักของความคิดเห็น บทความ หรือ ทฤษฎีต่าง ๆ ว่าน่าเชื่อถือมากน้อยขนาดไหน

ในการเขียนทั้งสองแบบต้องเขียนตอบในกระดาษคำตอบเท่านั้น หากเขียนในกระดาษคำถามจะไม่ได้รับการตรวจ การให้คะแนนก็จะให้น้ำหนักของส่วนที่สอง มากกว่า ส่วนที่หนึ่ง

การให้คะแนนส่วนที่หนึ่งนั้นจะให้จาก

1. Task Fulfillment

2. Coherence

3. Cohesion

4. Vocabulary

5. Sentence Structure

การให้คะแนนส่วนที่สองนั้นจะให้จาก

1. Arguments

2. Ideas

3. Evidence

4. Communicative Quality

5. Vocabulary

6. Sentence Structure

หากเขียนต่ำกว่าจำนวนน้อยที่สุดที่กำหนดไว้ จะถูกหักคะแนน

การพูด

การสอบพูดนั้นจะใช้เวลาตั้งแต่ 11 - 40 นาที โดยจะเป็นการสัมภาษณ์ระหว่างผู้เข้าสอบและเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร การสอบสัมภาษณ์นั้นจะแบ่งออกเป็นสามส่วนด้วยกัน

ส่วนที่หนึ่ง ผู้เข้าสอบจะตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง บ้าน ครอบครัว การงาน การเรียน หรือความสนใจ ซึ่งจะเป็นเรื่องใกล้ตัวเรา โดยจะใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที

ส่วนที่สอง ผู้เข้าสอบจะต้องพูดตามหัวข้อที่ได้รับในการ์ด โดยจะมีเวลาเตรียมตัว 1 นาที และพูดประมาณ 2 นาที จากนั้นเจ้าหน้าที่จะถามคำถามหนึ่งหรือสองคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เราพูด

ส่วนที่สามนั้น ก็จะเป็นการถกปัญหากันระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้เข้าสอบ หัวข้อนั้นก็จะเกี่ยว ๆ กับที่ได้รับในส่วนที่สอง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 - 5 นาที การสัมภาษณ์จะมีการบันทึกไว้ด้วยเทปบันทึกเสียง